วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568

วิธีดูแลข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ผ่าตัดที่ได้ผล

 


วิธีดูแลข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ผ่าตัดที่ได้ผล

หลายคนเมื่อเริ่มปวดเข่า มักกังวลทันทีว่าจะต้องผ่าตัดหรือไม่ แต่ความจริงคือ ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่สามารถดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด หากรู้จักวิธีดูแลที่ถูกต้องและทำต่อเนื่อง การรักษาแบบไม่ผ่าตัดในปัจจุบันพัฒนาไปมาก ทั้งปลอดภัยและได้ผลดี โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและวัยทำงานที่เริ่มมีอาการปวดเข่าเรื้อรัง

บทความนี้จะพาคุณอัปเดตวิธีดูแลข้อเข่าเสื่อมล่าสุด ที่ใช้จริงในคลินิกกระดูกและข้อ พร้อมเคล็ดลับที่ทำได้ทันทีที่บ้าน

ตัวอย่างผู้ป่วย

คุณสายชล อายุ 63 ปี เริ่มปวดเข่ามาเกือบปี เดินไกลไม่ได้ ต้องหยุดพักเป็นช่วง ๆ ตอนลุกนั่งมีเสียงก๊อบแก๊บ ทำงานบ้านนานไม่ได้ เชื่อว่าตนเองคงต้องผ่าตัดแน่ ๆ จึงมาพบแพทย์

ตรวจเอกซเรย์พบว่าเป็น ข้อเข่าเสื่อมระดับปานกลาง ช่องข้อแคบลง แต่ยังสามารถรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ แพทย์จึงให้ปรับพฤติกรรม กายภาพบำบัด ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่า และติดตามผล

เพียง 8 สัปดาห์ อาการปวดลดลงมาก เดินได้นานขึ้น และยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด

ข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?

ภายในข้อเข่ามี “ผิวกระดูกอ่อน” ทำหน้าที่เหมือนเบาะรองที่ช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวลื่น ไม่เสียดสีกัน เมื่ออายุมากขึ้น น้ำหนักเกิน ใช้งานหนัก หรือกล้ามเนื้อรอบเข่าอ่อนแรง ผิวข้อจะค่อย ๆ สึกเหมือน "พื้นถนนที่ถูกใช้งานนานจนเริ่มแตกร้าว" ทำให้ปวด บวม และฝืด

ข่าวดีคือ ระยะแรกถึงปานกลางสามารถรักษาได้ดีมากโดยไม่ต้องผ่าตัด หากเริ่มต้นเร็ว

อาการและสัญญาณเตือนข้อเข่าเสื่อม

  • ปวดเข่าเวลาเดิน ขึ้นลงบันได หรือลุกนั่ง
  • เข่าฝืดตอนเช้า หรือตอนนั่งนาน ๆ
  • มีเสียงก๊อบแก๊บในข้อเข่า
  • เข่าบวมเป็น ๆ หาย ๆ
  • เดินนานไม่ได้ ต้องหยุดพัก
  • เข่าเริ่มโก่งหรือผิดรูป

หากมีอาการ 2–3 ข้อ ควรได้รับการประเมินข้อเข่าจากแพทย์

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เข่าเสื่อมเร็วขึ้น

  • อายุ 50 ปีขึ้นไป
  • น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
  • นั่งยอง ๆ พับเพียบ นั่งขัดสมาธินาน
  • ใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น ยกของหนัก เดินชัน
  • ประวัติหมอนรองเข่าฉีกหรือผ่าตัดเข่ามาก่อน

การตรวจวินิจฉัย

1) ตรวจร่างกาย

แพทย์ประเมินการเดิน การลงน้ำหนัก การเหยียดงอข้อเข่า และตำแหน่งกดเจ็บ

2) เอกซเรย์ข้อเข่า

ใช้ดูช่องข้อว่าตื้นลงไหม มีเข่าโก่ง หรือมี “กระดูกงอก” ซึ่งเป็นลักษณะของข้อเข่าเสื่อม

3) เอ็มอาร์ไอ (เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)

ใช้เมื่อสงสัยหมอนรองเข่าฉีกหรือเส้นเอ็นมีปัญหาร่วมด้วย เห็นรายละเอียดในข้อได้มากกว่าเอกซเรย์

4) ประเมินกล้ามเนื้อรอบเข่าและสะโพก

กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปวดและเสื่อมเร็วขึ้น

วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด (อัปเดตล่าสุด)

ด้านล่างนี้คือแนวทางที่ใช้จริงในคลินิก และได้ผลดีในผู้ป่วยส่วนใหญ่

1) ปรับพฤติกรรม ลดแรงกระแทกเข่า

  • เลี่ยงลงบันไดบ่อย ๆ
  • งดนั่งพับเพียบ นั่งยอง ๆ
  • เดินบนพื้นราบแทนพื้นขรุขระ
  • เลือกรองเท้านุ่ม ลดแรงกระแทก
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก

เพียงปรับท่าทางการใช้เข่า อาการปวดดีขึ้นได้มาก

2) ควบคุมน้ำหนัก (สำคัญที่สุด)

ทุก 1 กิโลกรัมที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น เข่าต้องรับแรงเพิ่ม 3–5 กิโลกรัม ในทุกก้าวเดิน ดังนั้นการลดน้ำหนักเพียง 5–10% ทำให้อาการปวดลดลงได้ชัดเจน

3) กายภาพบำบัดแบบเฉพาะจุด

เน้นเสริมกล้ามเนื้อหน้าขาและสะโพก

เพราะกล้ามเนื้อแข็งแรงจะช่วยแบ่งภาระจากข้อเข่า

ตัวอย่างท่าที่ได้ผลดี:

  • เกร็งหน้าขา (Quadriceps setting)
  • ยกขาตรง
  • ปั่นจักรยานเบา ๆ
  • เดินในน้ำ

เทคนิคกายภาพที่ช่วย

  • อัลตราซาวด์ลดอักเสบ
  • ประคบร้อนลดกล้ามเนื้อตึง
  • ฝึกลงน้ำหนักให้ถูกท่า

หลายคนดีขึ้นมากภายใน 2–6 สัปดาห์

4) ใช้ยาเฉพาะช่วงอาการกำเริบ

ยาไม่ใช่การรักษาหลัก แต่ช่วยควบคุมอาการเมื่อปวดมาก เช่น

  • ยาลดอักเสบ
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • ยาลดปวดเส้นประสาท (ในบางกรณี)

ไม่ควรใช้ยานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์

5) การฉีดยาลดอักเสบเข้าข้อด้วยอัลตราซาวด์

เป็นการฉีดยาลดอักเสบในตำแหน่งที่อักเสบโดยตรง โดยใช้ อัลตราซาวด์ ช่วยนำทาง ทำให้แม่นยำและปลอดภัย ออกฤทธิ์เร็ว เหมาะกับผู้ป่วยที่เดินไม่ได้เพราะบวมมาก

ข้อดี:

  • ลดอักเสบเร็ว
  • ปวดลดลงภายใน 1–3 วัน
  • ช่วยให้เริ่มทำกายภาพได้ง่ายขึ้น

6) การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อ (Hyaluronic)

เป็นการเสริม “น้ำหล่อเลี้ยง” ให้ข้อเข่า ทำให้ผิวข้อเคลื่อนไหวง่ายขึ้น ลดเสียงก๊อบแก๊บ และลดการเสียดสี เหมาะในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะแรกถึงกลาง

ผลลัพธ์:

  • เดินได้นานขึ้น
  • ข้อเข่าฝืดลดลง
  • ออกกำลังกายได้มากขึ้น

อยู่ได้นาน 6–12 เดือน ขึ้นกับสภาพข้อเข่า

7) อุปกรณ์พยุงเข่า

  • สนับเข่าแบบพยุงแนวข้อเข่า
  • ไม้เท้า (ถือข้างตรงข้ามกับเข่าที่เจ็บ)

ช่วยลดแรงกดและทำให้เดินได้ดีขึ้น

เมื่อไหร่ต้องพิจารณา “ผ่าตัด”

หากรักษาแบบไม่ผ่าตัดอย่างเต็มที่แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจต้องพิจารณาการผ่าตัด โดยมีสัญญาณดังนี้

  • ปวดมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
  • เดินได้น้อยลงเรื่อย ๆ
  • ข้อเข่าโก่งมากขึ้น
  • เอ็กซเรย์พบผิวข้อสึกจนเกือบหมด

การผ่าตัดข้อเข่าเทียมปัจจุบันฟื้นตัวเร็ว เดินได้เร็ว ผลลัพธ์ดีมาก แต่ใช้เฉพาะรายที่จำเป็นจริง ๆ

พยากรณ์โรค

ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ดีมาก หากทำต่อเนื่อง กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น น้ำหนักลดลง และข้อได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาการปวดลดลงอย่างชัดเจนและสามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้หลายปี

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดหากไม่รักษา

  • เข่าโก่งมากขึ้น
  • เดินลำบาก เสี่ยงล้ม
  • ปวดเรื้อรังจนคุณภาพชีวิตลดลง
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดหลังร่วมด้วย

วิธีดูแลตัวเองที่ทำได้ทันที

  • เดินบนพื้นราบวันละ 20–30 นาที
  • เสริมกล้ามเนื้อหน้าขา 10–15 นาทีทุกวัน
  • ประคบร้อนเมื่อเข่าฝืด
  • ควบคุมน้ำหนัก ลดหวาน ของทอด
  • ใส่รองเท้านุ่มลดกระแทก
  • หลีกเลี่ยงลงบันไดบ่อย ๆ

สรุป

ข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่โรคที่ต้องรีบผ่าตัดเสมอไป การรักษาแบบไม่ผ่าตัดในปัจจุบันมีหลายวิธีที่ได้ผลดีมาก ทั้งการปรับพฤติกรรม กายภาพบำบัด การฉีดยาเฉพาะจุด และการควบคุมน้ำหนัก หากเริ่มดูแลตั้งแต่วันนี้ คุณจะสามารถชะลอโรคและใช้ชีวิตได้อย่างคล่องตัวไปอีกหลายปี

บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)

ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ

สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ

📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666

#ข้อเข่าเสื่อม #รักษาเข่าไม่ผ่าตัด #ปวดเข่า #กายภาพบำบัดเข่า #หมอเก่งกระดูกและข้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น