วิธีดูแลข้อเข่าเสื่อมแบบไม่ผ่าตัดที่ได้ผล
หลายคนเมื่อเริ่มปวดเข่า มักกังวลทันทีว่าจะต้องผ่าตัดหรือไม่ แต่ความจริงคือ ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่สามารถดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด หากรู้จักวิธีดูแลที่ถูกต้องและทำต่อเนื่อง การรักษาแบบไม่ผ่าตัดในปัจจุบันพัฒนาไปมาก ทั้งปลอดภัยและได้ผลดี โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและวัยทำงานที่เริ่มมีอาการปวดเข่าเรื้อรัง
บทความนี้จะพาคุณอัปเดตวิธีดูแลข้อเข่าเสื่อมล่าสุด ที่ใช้จริงในคลินิกกระดูกและข้อ พร้อมเคล็ดลับที่ทำได้ทันทีที่บ้าน
ตัวอย่างผู้ป่วย
คุณสายชล อายุ 63 ปี เริ่มปวดเข่ามาเกือบปี เดินไกลไม่ได้ ต้องหยุดพักเป็นช่วง ๆ ตอนลุกนั่งมีเสียงก๊อบแก๊บ ทำงานบ้านนานไม่ได้ เชื่อว่าตนเองคงต้องผ่าตัดแน่ ๆ จึงมาพบแพทย์
ตรวจเอกซเรย์พบว่าเป็น ข้อเข่าเสื่อมระดับปานกลาง ช่องข้อแคบลง แต่ยังสามารถรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ แพทย์จึงให้ปรับพฤติกรรม กายภาพบำบัด ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่า และติดตามผล
เพียง 8 สัปดาห์ อาการปวดลดลงมาก เดินได้นานขึ้น และยังไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
ข้อเข่าเสื่อมคืออะไร?
ภายในข้อเข่ามี “ผิวกระดูกอ่อน” ทำหน้าที่เหมือนเบาะรองที่ช่วยให้ข้อเคลื่อนไหวลื่น ไม่เสียดสีกัน เมื่ออายุมากขึ้น น้ำหนักเกิน ใช้งานหนัก หรือกล้ามเนื้อรอบเข่าอ่อนแรง ผิวข้อจะค่อย ๆ สึกเหมือน "พื้นถนนที่ถูกใช้งานนานจนเริ่มแตกร้าว" ทำให้ปวด บวม และฝืด
ข่าวดีคือ ระยะแรกถึงปานกลางสามารถรักษาได้ดีมากโดยไม่ต้องผ่าตัด หากเริ่มต้นเร็ว
อาการและสัญญาณเตือนข้อเข่าเสื่อม
- ปวดเข่าเวลาเดิน ขึ้นลงบันได หรือลุกนั่ง
- เข่าฝืดตอนเช้า หรือตอนนั่งนาน ๆ
- มีเสียงก๊อบแก๊บในข้อเข่า
- เข่าบวมเป็น ๆ หาย ๆ
- เดินนานไม่ได้ ต้องหยุดพัก
- เข่าเริ่มโก่งหรือผิดรูป
หากมีอาการ 2–3 ข้อ ควรได้รับการประเมินข้อเข่าจากแพทย์
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เข่าเสื่อมเร็วขึ้น
- อายุ 50 ปีขึ้นไป
- น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
- นั่งยอง ๆ พับเพียบ นั่งขัดสมาธินาน
- ใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น ยกของหนัก เดินชัน
- ประวัติหมอนรองเข่าฉีกหรือผ่าตัดเข่ามาก่อน
การตรวจวินิจฉัย
1) ตรวจร่างกาย
แพทย์ประเมินการเดิน การลงน้ำหนัก การเหยียดงอข้อเข่า และตำแหน่งกดเจ็บ
2) เอกซเรย์ข้อเข่า
ใช้ดูช่องข้อว่าตื้นลงไหม มีเข่าโก่ง หรือมี “กระดูกงอก” ซึ่งเป็นลักษณะของข้อเข่าเสื่อม
3) เอ็มอาร์ไอ (เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)
ใช้เมื่อสงสัยหมอนรองเข่าฉีกหรือเส้นเอ็นมีปัญหาร่วมด้วย เห็นรายละเอียดในข้อได้มากกว่าเอกซเรย์
4) ประเมินกล้ามเนื้อรอบเข่าและสะโพก
กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปวดและเสื่อมเร็วขึ้น
วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด (อัปเดตล่าสุด)
ด้านล่างนี้คือแนวทางที่ใช้จริงในคลินิก และได้ผลดีในผู้ป่วยส่วนใหญ่
1) ปรับพฤติกรรม ลดแรงกระแทกเข่า
- เลี่ยงลงบันไดบ่อย ๆ
- งดนั่งพับเพียบ นั่งยอง ๆ
- เดินบนพื้นราบแทนพื้นขรุขระ
- เลือกรองเท้านุ่ม ลดแรงกระแทก
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
เพียงปรับท่าทางการใช้เข่า อาการปวดดีขึ้นได้มาก
2) ควบคุมน้ำหนัก (สำคัญที่สุด)
ทุก 1 กิโลกรัมที่น้ำหนักเพิ่มขึ้น เข่าต้องรับแรงเพิ่ม 3–5 กิโลกรัม ในทุกก้าวเดิน ดังนั้นการลดน้ำหนักเพียง 5–10% ทำให้อาการปวดลดลงได้ชัดเจน
3) กายภาพบำบัดแบบเฉพาะจุด
เน้นเสริมกล้ามเนื้อหน้าขาและสะโพก
เพราะกล้ามเนื้อแข็งแรงจะช่วยแบ่งภาระจากข้อเข่า
ตัวอย่างท่าที่ได้ผลดี:
- เกร็งหน้าขา (Quadriceps setting)
- ยกขาตรง
- ปั่นจักรยานเบา ๆ
- เดินในน้ำ
เทคนิคกายภาพที่ช่วย
- อัลตราซาวด์ลดอักเสบ
- ประคบร้อนลดกล้ามเนื้อตึง
- ฝึกลงน้ำหนักให้ถูกท่า
หลายคนดีขึ้นมากภายใน 2–6 สัปดาห์
4) ใช้ยาเฉพาะช่วงอาการกำเริบ
ยาไม่ใช่การรักษาหลัก แต่ช่วยควบคุมอาการเมื่อปวดมาก เช่น
- ยาลดอักเสบ
- ยาคลายกล้ามเนื้อ
- ยาลดปวดเส้นประสาท (ในบางกรณี)
ไม่ควรใช้ยานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์
5) การฉีดยาลดอักเสบเข้าข้อด้วยอัลตราซาวด์
เป็นการฉีดยาลดอักเสบในตำแหน่งที่อักเสบโดยตรง โดยใช้ อัลตราซาวด์ ช่วยนำทาง ทำให้แม่นยำและปลอดภัย ออกฤทธิ์เร็ว เหมาะกับผู้ป่วยที่เดินไม่ได้เพราะบวมมาก
ข้อดี:
- ลดอักเสบเร็ว
- ปวดลดลงภายใน 1–3 วัน
- ช่วยให้เริ่มทำกายภาพได้ง่ายขึ้น
6) การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อ (Hyaluronic)
เป็นการเสริม “น้ำหล่อเลี้ยง” ให้ข้อเข่า ทำให้ผิวข้อเคลื่อนไหวง่ายขึ้น ลดเสียงก๊อบแก๊บ และลดการเสียดสี เหมาะในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะแรกถึงกลาง
ผลลัพธ์:
- เดินได้นานขึ้น
- ข้อเข่าฝืดลดลง
- ออกกำลังกายได้มากขึ้น
อยู่ได้นาน 6–12 เดือน ขึ้นกับสภาพข้อเข่า
7) อุปกรณ์พยุงเข่า
- สนับเข่าแบบพยุงแนวข้อเข่า
- ไม้เท้า (ถือข้างตรงข้ามกับเข่าที่เจ็บ)
ช่วยลดแรงกดและทำให้เดินได้ดีขึ้น
เมื่อไหร่ต้องพิจารณา “ผ่าตัด”
หากรักษาแบบไม่ผ่าตัดอย่างเต็มที่แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจต้องพิจารณาการผ่าตัด โดยมีสัญญาณดังนี้
- ปวดมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
- เดินได้น้อยลงเรื่อย ๆ
- ข้อเข่าโก่งมากขึ้น
- เอ็กซเรย์พบผิวข้อสึกจนเกือบหมด
การผ่าตัดข้อเข่าเทียมปัจจุบันฟื้นตัวเร็ว เดินได้เร็ว ผลลัพธ์ดีมาก แต่ใช้เฉพาะรายที่จำเป็นจริง ๆ
พยากรณ์โรค
ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง ตอบสนองต่อการรักษาแบบไม่ผ่าตัดได้ดีมาก หากทำต่อเนื่อง กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น น้ำหนักลดลง และข้อได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาการปวดลดลงอย่างชัดเจนและสามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้หลายปี
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดหากไม่รักษา
- เข่าโก่งมากขึ้น
- เดินลำบาก เสี่ยงล้ม
- ปวดเรื้อรังจนคุณภาพชีวิตลดลง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดหลังร่วมด้วย
วิธีดูแลตัวเองที่ทำได้ทันที
- เดินบนพื้นราบวันละ 20–30 นาที
- เสริมกล้ามเนื้อหน้าขา 10–15 นาทีทุกวัน
- ประคบร้อนเมื่อเข่าฝืด
- ควบคุมน้ำหนัก ลดหวาน ของทอด
- ใส่รองเท้านุ่มลดกระแทก
- หลีกเลี่ยงลงบันไดบ่อย ๆ
สรุป
ข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่โรคที่ต้องรีบผ่าตัดเสมอไป การรักษาแบบไม่ผ่าตัดในปัจจุบันมีหลายวิธีที่ได้ผลดีมาก ทั้งการปรับพฤติกรรม กายภาพบำบัด การฉีดยาเฉพาะจุด และการควบคุมน้ำหนัก หากเริ่มดูแลตั้งแต่วันนี้ คุณจะสามารถชะลอโรคและใช้ชีวิตได้อย่างคล่องตัวไปอีกหลายปี
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#ข้อเข่าเสื่อม #รักษาเข่าไม่ผ่าตัด #ปวดเข่า #กายภาพบำบัดเข่า #หมอเก่งกระดูกและข้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น