สัญญาณเตือนข้อเข่าเสื่อม ระยะเริ่มต้นสังเกตอย่างไร?
อาการปวดเข่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนคิดว่า “เดี๋ยวก็หาย” โดยเฉพาะวัยทำงานและผู้สูงอายุ แต่รู้ไหมว่าโรค ข้อเข่าเสื่อม มักเริ่มจากสัญญาณเล็ก ๆ ที่ถูกมองข้ามเป็นปี ๆ จนกระทั่งปวดมาก เดินลำบาก ขึ้นลงบันไดไม่ได้ ต้องพึ่งยาหรืออุปกรณ์พยุง ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากรู้ทันสัญญาณเตือนตั้งแต่ระยะแรก สามารถชะลอและควบคุมโรคได้ดี ไม่ต้องรอจนรุนแรงถึงขั้นผ่าตัด
ตัวอย่างผู้ป่วย
คุณสุรีย์ อายุ 58 ปี ทำงานบ้านทุกวัน เริ่มมีอาการปวดเข่าเวลาเดินนาน ๆ หรือขึ้นลงบันได แต่ยังพอทนได้ เธอคิดว่าเป็นเพราะอายุมากขึ้นและน้ำหนักตัวเพิ่ม พักสักหน่อยก็ดีขึ้น จึงไม่ได้ไปพบแพทย์
ผ่านไป 6 เดือน อาการเริ่มชัดขึ้น เวลาลุกนั่งมีเสียง "ก๊อบแก๊บ" เข่าฝืดตอนเช้า เดินไกลไม่ได้ และเริ่มบวมเป็น ๆ หาย ๆ เมื่อตรวจพบว่าเป็น ข้อเข่าเสื่อมระยะต้นถึงกลาง ซึ่งถ้าพบเร็วกว่านี้ การรักษาจะง่ายกว่ามาก
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า “การฟังเสียงเข่าของตัวเอง” สำคัญกว่าที่คิด
ข้อเข่าเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร? (อธิบายแบบชาวบ้าน)
ผิวข้อเข่าปกติจะมีลักษณะเหมือน “พื้นยางเรียบลื่น” มีน้ำหล่อเลี้ยงช่วยลดแรงเสียดสี แต่เมื่ออายุมากขึ้น ใช้งานหนัก หรือน้ำหนักตัวมาก พื้นผิวนี้จะค่อย ๆ สึกเหมือน “พื้นถนนที่เริ่มแตกร้าว” ทำให้เกิดการเสียดสี เจ็บ และอักเสบง่าย
ขณะเดียวกัน กระดูกอ่อนบางจุดอาจยุบลง เอ็นรอบ ๆ เข่าอาจอ่อนแรง ทำให้เข่ารับน้ำหนักไม่สมดุล เกิดเป็นวงจรปวด-อักเสบซ้ำซาก
ทั้งหมดนี้เริ่มจากสัญญาณเล็ก ๆ ที่สังเกตได้ หากรู้ทันก็รักษาง่าย ไม่ต้องรอให้เข่าเสื่อมหนักจนเดินแทบไม่ได้
สัญญาณเตือนข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นที่หลายคนมองข้าม
1) ปวดเข่าเวลาใช้งานมาก แต่พักแล้วดีขึ้น
เป็นสัญญาณเริ่มต้นที่สุด มักปวดตอนเดินขึ้นลงบันได เดินเร็ว ๆ หรือยืนนาน ๆ เหมือนมีอะไรดึงด้านหน้าเข่า
2) ข้อเข่าฝืดตอนเช้า หรือเมื่อนั่งนาน
ตื่นเช้ามาต้องใช้เวลาขยับเข่าสักพักกว่าจะเดินคล่อง บางคนบอกว่าเหมือนเข่าติด ๆ
3) มีเสียงก๊อบแก๊บ ขณะลุกนั่งหรือขยับเข่า
เสียงนี้เกิดจากผิวข้อที่ไม่เรียบเหมือนเดิม แม้ไม่เจ็บมาก แต่เป็นสัญญาณเตือนสำคัญ
4) เข่าบวมอุ่น ๆ เป็นครั้งคราว
เกิดจากการอักเสบภายในข้อ หากเป็นซ้ำบ่อย ๆ มักบ่งบอกว่ามีการสึกของผิวข้อเริ่มต้นแล้ว
5) เดินไกลไม่ได้ ต้องหยุดพักบ่อย
แม้จะยังไม่ร้าวลงขา แต่เข่าที่รับน้ำหนักมากจะเริ่มส่งสัญญาณเตือนด้วยความล้าเจ็บบริเวณด้านหน้าและด้านในเข่า
6) เข่าโก่งเล็กน้อยมาก่อนแล้ว และค่อย ๆ ชัดขึ้น
ข้อเข่าเสื่อมอาจทำให้แนวขาผิดรูปมากขึ้น เพราะผิวข้อบางด้านสึกเร็วกว่าปกติ
7) น้ำหนักเพิ่ม ทำให้เข่ายิ่งเจ็บง่ายขึ้น
ทุก 1 กิโลกรัมที่เพิ่มขึ้น เข่าต้องรับภาระมากขึ้นถึง 3–4 กิโลกรัมเวลาขึ้นบันได
หากมีอาการ 2 ข้อขึ้นไป แนะนำให้ประเมินเรื่องข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
อายุ 50 ปีขึ้นไป
น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิเป็นเวลานาน
ใช้งานข้อเข่าเยอะ เช่น ยกของหนัก ทำงานบ้านหนัก
มีประวัติอุบัติเหตุหรือผ่าตัดเข่ามาก่อน
กล้ามเนื้อรอบเข่าอ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหน้าขา
ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผิวข้อสึกเร็วกว่าปกติ และอาการมักค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปี
การตรวจวินิจฉัย (รู้ให้ชัดก่อนรักษา)
1) ตรวจร่างกายโดยแพทย์กระดูกและข้อ
ดูการเดิน การเหยียดงอเข่า การบวม การกดเจ็บตำแหน่งเฉพาะเพื่อแยกโรคอื่น เช่น เอ็นอักเสบหรือหมอนรองเข่าฉีก
2) เอกซเรย์เข่า
เป็นการตรวจที่สำคัญ เห็นช่องข้อแคบลง กระดูกงอก เข่าโก่ง และระดับการสึกของผิวข้อได้ชัดเจน
3) เอ็มอาร์ไอ (เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)
ใช้เมื่อสงสัยหมอนรองเข่าและเส้นเอ็นร่วมด้วย โดยไม่ใช้รังสี เหมาะในรายที่ปวดมากหรือรักษาแล้วยังไม่ดีขึ้น
4) ตรวจน้ำในข้อเข่า (เฉพาะบางราย)
ใช้แยกโรคข้ออักเสบที่มีสาเหตุอื่น เช่น เกาต์ หรือการติดเชื้อ
การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยกำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (ขั้นตอนที่ได้ผลจริง)
1) ปรับพฤติกรรม ลดแรงกดเข่า
หลีกเลี่ยงนั่งพับเพียบ นั่งยอง ๆ
ลดน้ำหนักหากเกินเกณฑ์
ใช้บันไดเท่าที่จำเป็น
2) ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อรอบเข่า
เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการรักษา เช่น
ท่าเกร็งหน้าขา
ปั่นจักรยานเบา ๆ
เดินช้า ๆ บนพื้นเรียบ
3) กายภาพบำบัด
ช่วยลดอักเสบ เพิ่มความแข็งแรง และปรับการเดินให้เหมาะสม
4) ใช้ยาตามอาการ
ยาลดอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาลดปวดชนิดเฉพาะ โดยแพทย์เป็นผู้ประเมิน
5) การฉีดยาลดอักเสบเข้าข้อด้วยอัลตราซาวด์
ช่วยลดการอักเสบเฉียบพลันได้เร็ว เหมาะสำหรับรายที่บวมและปวดมาก
6) การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อ (Hyaluronic)
ช่วยให้ข้อเข่าลื่นขึ้น ลดเสียงดังและลดอาการฝืด เหมาะกับระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง
7) การติดตามและประเมินซ้ำ
ปรับแผนการรักษาตามอาการที่ดีขึ้นหรือแย่ลง
การรักษาเหล่านี้ช่วยชะลอโรคได้มาก หากทำอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อไหร่ควรพิจารณาการผ่าตัด?
แม้หลายคนถามว่า “ข้อเข่าเสื่อมไม่ผ่าตัดรักษาได้ไหม?” คำตอบคือได้ในหลายกรณี แต่ควรพิจารณาผ่าตัดเมื่อ
ปวดมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
เดินลำบาก ลุกนั่งยากแม้รักษาเต็มที่แล้ว
ข้อเข่าโก่งมากและแย่ลงเรื่อย ๆ
เอ็กซเรย์พบผิวข้อสึกจนเกือบหมด
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมในปัจจุบันฟื้นตัวเร็ว เดินได้เร็ว และผลลัพธ์ดีมากในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่ใช้เฉพาะรายที่จำเป็นจริง ๆ
พยากรณ์โรคและสิ่งที่ต้องดูแลระยะยาว
ข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้น ควบคุมได้ดีมาก หากผู้ป่วยร่วมมือกับการรักษา ได้แก่
ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อสม่ำเสมอ
ควบคุมน้ำหนัก
หลีกเลี่ยงท่าที่เพิ่มแรงกดเข่า
หากปล่อยไว้ไม่รักษา ผิวข้อจะสึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เจ็บบ่อย เดินนานไม่ได้ และอาจต้องผ่าตัดในอนาคต
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
เดินลำบากจนเสี่ยงล้ม
ข้อเข่าโก่งมากขึ้นตามอายุ
ปวดเรื้อรังทำให้เคลื่อนไหวน้อยลง จนกล้ามเนื้ออ่อนแรง
วิธีดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ ทำได้ทันที
เดินบนพื้นราบวันละ 20–30 นาที
เสริมกล้ามเนื้อหน้าขาวันละ 10–15 นาที
ประคบเย็นเมื่อปวดเข่า
เลี่ยงนั่งยอง ๆ และพับเพียบ
เลือกรองเท้าที่นุ่มและมีแรงกระแทกดี
สรุป
ข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นมีสัญญาณเตือนที่สังเกตได้ง่าย หากฟังร่างกายและตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะรักษาได้ดี ไม่ต้องรอให้ปวดจนเดินไม่ได้ การดูแลตัวเองควบคู่กับคำแนะนำจากแพทย์สามารถชะลอโรคและช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างคล่องตัวไปอีกหลายปี
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#ข้อเข่าเสื่อม #ปวดเข่า #สัญญาณข้อเข่าเสื่อม #เข่าเสื่อมระยะแรก #หมอเก่งกระดูกและข้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น