วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568

"ไม่อยากผ่าตัดเข่า กลัวเจ็บ กลัวเดินไม่ได้ มีวิธีอื่นไหมครับหมอ?"


 

"ไม่อยากผ่าตัดเข่า กลัวเจ็บ กลัวเดินไม่ได้ มีวิธีอื่นไหมครับหมอ?"

นี่คือประโยคยอดฮิตที่หมอได้ยินแทบทุกวันจากคนไข้ที่เริ่มมีปัญหาข้อเข่าเสื่อม หลายคนกังวล จนบางครั้งยอมทนปวด กินยาแก้ปวดจนกระเพาะพัง หรือไตเริ่มมีปัญหา เพราะคำว่า "กลัวการผ่าตัด" คำเดียว

ในโลกของการรักษาโรคกระดูกและข้อปัจจุบัน เรามีทางเลือกมากมายก่อนที่จะไปถึงจุดสุดท้ายคือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า และหนึ่งในพระเอกขี่ม้าขาวที่เข้ามาช่วย "ซื้อเวลา" และคืนความสุขในการเดินให้กับคนไข้จำนวนมาก

วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังแบบหมดเปลือก ด้วยข้อมูลทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ว่า เจ้าสิ่งนี้คืออะไร มันช่วยยื้อเวลาการผ่าตัดได้จริงไหม และนานแค่ไหน เพื่อให้ท่านและคนที่ท่านรักใช้ประกอบการตัดสินใจครับ

ทำความรู้จัก "น้ำมันหล่อลื่น" แห่งร่างกาย

ก่อนอื่น ให้ลองจินตนาการถึง "บานพับประตู" หรือ "เครื่องยนต์รถยนต์" ครับ ถ้าไม่มีน้ำมันหล่อลื่น เวลาขยับ มันก็จะฝืด เกิดเสียงดัง เอี๊ยดอ๊าด เสียดสีกันจนเกิดความร้อน และสุดท้ายชิ้นส่วนเหล่านั้นก็จะสึกหรอพังเสียหาย

ข้อเข่าของเราก็เช่นกันครับ ธรรมชาติสร้างให้ภายในข้อเข่ามี "น้ำเลี้ยงข้อ" (Synovial Fluid) ซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือสารชื่อว่า "ไฮยาลูโรนิก" (Hyaluronic Acid) ทำหน้าที่สำคัญ 2 อย่างคือ

  1. เป็นน้ำมันหล่อลื่น: ช่วยให้กระดูกอ่อนผิวข้อเคลื่อนที่ผ่านกันได้อย่างนุ่มนวล ไม่ฝืด
  2. เป็นโช้คอัพ: ช่วยดูดซับแรงกระแทกเวลาเราเดิน ยืน หรือวิ่ง

แต่พออายุมากขึ้น หรือใช้งานเข่าหนักๆ น้ำเลี้ยงข้อตามธรรมชาตินี้จะเริ่ม "เสื่อมสภาพ" ครับ คือทั้งปริมาณลดลง และความหนืดก็น้อยลง เหมือนน้ำมันเครื่องที่เก่าแล้ว ผลก็คือ เข่าเริ่มฝืด กระดูกอ่อนเริ่มเสียดสีกัน เกิดการอักเสบ และความปวดตามมา นี่คือจุดเริ่มต้นของ "โรคข้อเข่าเสื่อม" นั่นเอง

การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม คืออะไร?

เมื่อของธรรมชาติมันเสื่อม เราก็ต้องเติมของใหม่เข้าไปทดแทนครับ

การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม คือการนำสารไฮยาลูโรนิกสังเคราะห์ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับธรรมชาติมากๆ ฉีดเข้าไปในข้อเข่าโดยตรง เพื่อเข้าไปทำหน้าที่แทนน้ำเลี้ยงข้อเดิมที่แห้งเหือดไป

ประโยชน์ที่คาดหวังคือ:

  • ลดความฝืด: ทำให้ข้อเข่าขยับได้ลื่นไหลขึ้น
  • ลดการอักเสบและปวด: เมื่อการเสียดสีลดลง การอักเสบก็ทุเลาลง
  • ปกป้องกระดูกอ่อน: ช่วยเคลือบผิวข้อ ชะลอการสึกหรอเพิ่มเติมได้ในระดับหนึ่ง

คำถามสำคัญ: ยื้อการผ่าตัดได้นานแค่ไหน?

นี่คือสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ที่สุดครับ หมอขอตอบแบบตรงไปตรงมาตามหลักฐานทางการแพทย์ว่า "ขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นอยู่" ครับ

การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม ไม่ใช่ยาวิเศษที่ฉีดปุ๊บ เข่ากลับมาเป็นหนุ่มสาวปั๊บ และ "ไม่ได้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อมให้หายขาด" แต่มันคือการ "ซื้อเวลาคุณภาพ" ครับ

กลุ่มที่ได้ผลดีที่สุด (ยื้อได้นาน 1–3 ปี หรือมากกว่า): คือกลุ่มคนไข้ที่เป็นข้อเข่าเสื่อมใน "ระยะเริ่มต้น ถึง ระยะปานกลาง"

  • ในระยะนี้ กระดูกอ่อนผิวข้อยังพอเหลืออยู่ ช่องว่างในข้อเข่ายังไม่แคบจนชิดติดกัน
  • การเติมน้ำหล่อลื่นเข้าไปในช่วงนี้ จะช่วยลดอาการปวดได้ดีมาก คนไข้หลายคนกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ เดินได้คล่องขึ้น ออกกำลังกายเบาๆ ได้
  • บางรายฉีดแล้วอาการดีขึ้นอยู่ได้นานถึง 6 เดือน ถึง 1 ปี ต่อการฉีด 1 คอร์ส และสามารถฉีดซ้ำได้เมื่อเริ่มกลับมามีอาการ
  • ถ้าดูแลตัวเองดีๆ ควบคู่ไปด้วย อาจชะลอการผ่าตัดไปได้หลายปี หรือบางคนอาจไม่ต้องผ่าตัดเลยตลอดชีวิต หากคุมอาการได้

กลุ่มที่ได้ผลน้อย หรืออาจไม่ได้ผล (ยื้อได้สั้นๆ หรือไม่ได้เลย): คือกลุ่มคนไข้ที่เป็น "ระยะรุนแรง หรือระยะสุดท้าย"

  • ระยะนี้กระดูกอ่อนผิวข้อแทบไม่เหลือแล้ว กระดูกแข็งๆ ชนกันโดยตรง เข่ามักจะโก่งผิดรูปมาก
  • การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข้าไป เหมือนการเทน้ำมันลงบนเครื่องยนต์ที่พังยับเยินไปแล้ว มันอาจจะช่วยลดความฝืดได้นิดหน่อยชั่วคราว (อาจจะแค่ 1–3 เดือน) แต่ความเจ็บปวดจากการที่กระดูกชนกันนั้นแก้ไขไม่ได้
  • ในกลุ่มนี้ การฉีดมักใช้เพื่อบรรเทาอาการชั่วคราวในกรณีที่ยังไม่พร้อมผ่าตัดจริงๆ หรือมีโรคประจำตัวที่ผ่าตัดไม่ได้

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย

  • "ฉีดแล้วจะหายขาด": ไม่จริงครับ มันคือการบรรเทาอาการและชะลอความเสื่อม
  • "เจ็บมาก น่ากลัว": ปัจจุบันเทคนิคการฉีดพัฒนาไปมาก แพทย์ส่วนใหญ่ใช้การฉีดที่แม่นยำ บางครั้งมีการใช้อัลตราซาวนด์ช่วยนำวิถี ทำให้เจ็บน้อยมาก คล้ายๆ การฉีดยาทั่วไปครับ
  • "เป็นสเตียรอยด์หรือเปล่า": คนละอย่างกันครับ สเตียรอยด์คือยาแก้ปวดลดอักเสบแบบแรง ฉีดบ่อยไม่ดีต่อกระดูก แต่น้ำเลี้ยงข้อเทียมคือสารหล่อลื่น สามารถฉีดซ้ำได้ตามระยะเวลาที่เหมาะสม (มักจะทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี) โดยไม่มีผลเสียต่อกระดูกในระยะยาว

กุญแจสำคัญ: ฉีดแล้วต้อง "ดูแล" ต่อ

การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม เป็นเพียง "ครึ่งทาง" ของการรักษาครับ อีกครึ่งทางที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "การปฏิบัติตัวของคนไข้" ถ้าท่านฉีดไปแล้ว แต่ยังใช้งานเข่าหนักเหมือนเดิม ไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม น้ำยาที่ฉีดไปก็จะหมดฤทธิ์เร็วขึ้น

สิ่งที่ต้องทำหลังฉีด เพื่อให้ยื้อเวลาได้นานที่สุด:

  1. ควบคุมน้ำหนัก: ทุกกิโลกรัมที่ลดได้ คือแรงกระแทกที่ลดลงต่อเข่ามหาศาล นี่คือยาวิเศษที่สุด
  2. บริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า: โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) ถ้ากล้ามเนื้อแข็งแรง มันจะช่วยพยุงข้อเข่า ลดภาระการรับน้ำหนักของข้อได้มาก
  3. เลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายเข่า: นั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ขึ้นลงบันไดสูงๆ บ่อยๆ

เมื่อไหร่ที่ "น้ำมัน" เอาไม่อยู่ และต้องพิจารณาผ่าตัด?

แม้เราจะพยายามยื้ออย่างเต็มที่ แต่หากโรคดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง การผ่าตัดอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการคืนคุณภาพชีวิตครับ สัญญาณที่บ่งบอกคือ:

  • ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมแล้วไม่ได้ผล หรือได้ผลในระยะสั้นลงเรื่อยๆ
  • ปวดตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนนอนพักก็ยังปวด
  • เข่าโก่งผิดรูปชัดเจน จนส่งผลต่อการเดินและการทรงตัว
  • เดินได้ระยะสั้นมาก (เช่น ไม่ถึง 10 นาทีก็ต้องหยุดพักเพราะปวด)
  • คุณภาพชีวิตแย่ลงมาก ไปไหนมาไหนไม่ได้ เข้าสังคมไม่ได้เพราะเจ็บเข่า

สรุป

การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม เป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพสูงมากในการ "ชะลอ" การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า โดยเฉพาะในผู้ป่วยระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง มันช่วยซื้อเวลาคุณภาพ ให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องทนปวด

แต่อย่าลืมว่า มันไม่ใช่การรักษาที่ปลายเหตุเพียงอย่างเดียว การดูแลตัวเอง คุมน้ำหนัก และออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อ คือสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปเสมอ เพื่อให้ "เข่า" ของเราอยู่ใช้งานได้นานที่สุดครับ

อย่ากลัวที่จะมาปรึกษาแพทย์ครับ การรู้ระยะของโรคและการวางแผนการรักษาร่วมกันตั้งแต่เนิ่นๆ คือหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพเข่าที่ดีครับ

บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่ ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง) ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ จังหวัดเชียงใหม่ สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ 📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666

#ฉีดเข่า #น้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม #ข้อเข่าเสื่อม #ปวดเข่า #ไม่ต้องผ่าตัด #หมอเก่งกระดูกและข้อ #ชะลอเข่าเสื่อม #ดูแลผู้สูงอายุ #เข่าฝืด #ไฮยาลูโรนิก

References

  1. Bannuru RR, Osani MC, Vaysbrot EE, et al. OARSI guidelines for the non-surgical management of knee, hip, and polyarticular osteoarthritis. Osteoarthritis Cartilage. 2019;27(11):1578-1589.
  2. American Academy of Orthopaedic Surgeons. Treatment of Osteoarthritis of the Knee: Evidence-Based Guideline, 2nd Edition. Rosemont, IL: American Academy of Orthopaedic Surgeons; 2013.
  3. Campbell KA, Erickson BJ, Saltzman BM, et al. Is Local Viscosupplementation Injection Clinically Superior to Other Therapies in the Treatment of Osteoarthritis of the Knee: A Systematic Review of Overlapping Meta-analyses. Arthroscopy. 2015;31(10):2036-2045.
  4. Legré-Boyer V. Viscosupplementation: techniques, indications, results. Orthop Traumatol Surg Res. 2015;101(1 Suppl):S101-S108.
  5. Trojian TH, Concoff A, Joy SM, et al. AMSSM scientific statement concerning viscosupplementation injections for knee osteoarthritis: importance for individual patient outcomes. Br J Sports Med. 2016;50(2):84-92.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น