ปวดข้อศอก–เข่าซ้ายจากการเล่นแบดมินตัน ผู้ชายอายุ 45 ปี ควรดูแลอย่างไร?
อาการปวดข้อศอกและเข่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เล่นแบดมินตัน วิ่ง หรือกีฬาใช้แรงระเบิดสั้น ๆ หลายครั้ง บางคนปวดเรื้อรังเป็นเดือน ใช้ยาทา–นวดก็ไม่ดีขึ้น จนเริ่มกลัวว่าจะเสื่อมก่อนวัย
กรณีนี้พบได้บ่อยมากในผู้ชายอายุ 40–50 ปี เพราะเป็นวัยที่กล้ามเนื้อเริ่มตึงง่าย ข้อต่อเริ่มเสื่อม และมักเล่นกีฬาแบบหักโหมมากกว่าการฟื้นฟูร่างกาย
เคสตัวอย่างใกล้ตัว
คุณนัท อายุ 45 ปี ชอบเล่นแบดมินตันสัปดาห์ละ 3 วัน เล่นเกมค่อนข้างหนัก ตบแรง วิ่งสไลด์ข้างบ่อย เริ่มมีอาการปวด
ข้อศอกขวา เจ็บเวลาเหยียดแขนหรือตีแบดแรง ๆ
เข่าซ้าย ปวดหน้าเข่าและเจ็บเวลาเดินลงบันได หรือหลังเล่นนาน ๆ
แม้พักเป็นบางวัน แต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงต้องการคำแนะนำว่าควรรักษาอย่างไรและอันตรายไหม
ทำไมเล่นแบดมินตันแล้วปวดข้อศอก?
1) Tennis elbow (เส้นเอ็นข้อศอกด้านนอกอักเสบ)
แม้จะชื่อ “เทนนิส” แต่พบมากในคนเล่นแบด เพราะเกิดจากการใช้ข้อมือและท่อนแขนซ้ำ ๆ เช่น
การตีลูกเบียดข้อศอก
ตบแรง
บิดข้อมือซ้ำ ๆ
เส้นเอ็นที่เกาะตรงปุ่มกระดูกด้านนอกจะระคายเคืองจนปวดเวลายกของหรือเหยียดแขน
2) กล้ามเนื้อปลายแขนอ่อนแรงหรือยึดตึง
ทำให้เส้นเอ็นต้องรับแรงมากขึ้นกว่าปกติ
3) เทคนิคการตีไม่ถูกต้อง
เช่น ใช้ข้อมือมากเกินไป หรือจับไม้แน่นเกิน
ทำไมเข่าซ้ายถึงปวดจากการเล่นแบดมินตัน?
1) หมอนรองกระดูกเข่าเริ่มเสื่อม
วัย 40+ เริ่มมีการสึกของผิวข้อ เข่าอาจเจ็บเวลาลงน้ำหนักเร็ว ๆ หรือเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน
2) เอ็นกระดูกสะบ้าด้านหน้าอักเสบ (Patellar tendinitis)
ปวดใต้สะบ้า เจ็บเวลาโดด ตบ หรือวิ่งถอยหลัง
3) กระดูกอ่อนสะบ้าเสื่อม (Chondromalacia)
เจ็บหน้าเข่าโดยเฉพาะเวลานั่งนาน ลงบันได หรือเล่นหนัก
4) กล้ามเนื้อสะโพก–ต้นขาอ่อนแรง
ทำให้แรงกระแทกลงเข่ามากกว่าปกติ
อาการที่ควรมาพบแพทย์
ปวดนานเกิน 2–4 สัปดาห์ไม่ดีขึ้น
เจ็บมากเวลาเหยียดแขน/งอข้อศอก
เข่าบวม ร้อน เดินกระเผลก
มีเสียงลั่นในข้อทุกครั้งที่ขยับ
เข่าหรือข้อศอกล็อก งอไม่สุด
การตรวจวินิจฉัยที่จำเป็น
1) ตรวจร่างกายโดยแพทย์
ทดสอบจุดกดเจ็บ การเคลื่อนไหว การทำงานของเส้นเอ็น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
2) เอกซเรย์ข้อศอก–เข่า
ดูว่ามีข้อเสื่อม หินปูน หรือการบาดเจ็บของกระดูกหรือไม่
3) อัลตราซาวด์
เหมาะมากสำหรับตรวจ
เส้นเอ็นข้อศอกอักเสบ
เส้นเอ็นใต้สะบ้า
การอักเสบรอบข้อ
น้ำในข้อเข่า
เห็นชัดและเจ็บน้อย
แนวทางการรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ดีขึ้นด้วยการรักษาแบบประคับประคอง
1) ปรับพฤติกรรมการเล่นกีฬาก่อน
ลดจำนวนวันเล่นชั่วคราว
วอร์มอัพ 10–15 นาทีทุกครั้ง
ใช้รองเท้าที่รองรับแรงกระแทกดี
เปลี่ยนไม้แบดหรือสายที่ตึงเกินไป
2) ยา
ยาลดอักเสบ
ยาคลายกล้ามเนื้อ (ในบางราย)
3) การประคบและอุปกรณ์ช่วย
ประคบน้ำแข็งข้อศอก–เข่า 10–15 นาทีหลังเล่นกีฬา
ใส่ที่รัดข้อศอกแบบ Tennis elbow strap
ใส่สนับเข่าเวลาซ้อมหนัก
4) กายภาพบำบัดเฉพาะจุด
เน้น
ยืดกล้ามเนื้อปลายแขน
เสริมกล้ามเนื้อต้นขา–สะโพก
ฝึกกล้ามเนื้อเสถียรภาพ (Stability training)
ช่วยลดโอกาสปวดซ้ำ
5) การฉีดยาลดอักเสบด้วยอัลตราซาวด์
เหมาะสำหรับผู้ที่
เส้นเอ็นอักเสบมาก
ปวดเรื้อรังนานหลายเดือน
ไม่ตอบสนองต่อกายภาพหรือยา
ข้อดีคือแม่นยำ ปลอดภัย และลดอาการปวดได้เร็ว
เมื่อไหร่ต้องพิจารณาเรื่องการพักรักษาระยะยาว?
ปวดจนเล่นกีฬาไม่ได้เลย
เข่าบวมซ้ำเรื้อรัง
เส้นเอ็นฉีกบางส่วนจากภาพอัลตราซาวด์
สมรรถภาพกล้ามเนื้อลดลงมาก
แพทย์จะประเมินเป็นรายบุคคลเพื่อวางแผนฟื้นฟูที่เหมาะสม
พยากรณ์โรค
หากดูแลถูกต้อง อาการปวดข้อศอกและเข่าส่วนใหญ่ดีขึ้นภายใน 2–6 สัปดาห์ และสามารถกลับไปเล่นแบดได้ตามเดิม แต่อาจต้องเน้นการวอร์มอัพและเสริมกล้ามเนื้อให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นซ้ำ
เคล็ดลับดูแลตัวเองสำหรับนักแบดมินตันวัย 40+
วอร์มอัพ + ยืดเหยียดก่อนเล่นทุกครั้ง
เสริมกล้ามเนื้อสะโพก–ต้นขาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2–3 วัน
ใช้รองเท้าที่ซัพพอร์ตดี
ลดการตบแรงต่อเนื่องหลายครั้ง
สังเกตความเจ็บ ถ้าปวดมากให้หยุดทันที
สรุป
ผู้ชายอายุ 45 ปีที่มีอาการปวดข้อศอกและเข่าจากการเล่นแบดมินตัน มักเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและข้อที่ใช้งานซ้ำ ๆ หากตรวจประเมินให้ชัดเจนและรักษาตามลำดับ ทั้งการปรับพฤติกรรม ยา กายภาพ และการฉีดยาลดอักเสบด้วยอัลตราซาวด์ อาการส่วนใหญ่ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องหยุดกีฬาเป็นเวลานาน
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#ปวดข้อศอก #ปวดเข่า #เล่นแบดมินตันเจ็บ #TennisElbow #เอ็นสะบ้าอักเสบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น