ข้อเข่าเสื่อมไม่ได้จบที่ “ผ่าตัด” ทุกราย! เช็กให้ชัวร์ว่าเข่าคุณเสื่อม “ระยะไหน” และรักษาอย่างไรให้ตรงจุด?
เคยไหมครับ? ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึก "ตึง" ที่ข้อเข่า ขยับลำบาก หรือเวลาลุกนั่งมีเสียงดัง "กร็อบแกรบ" จนใจหาย...
หลายคนพอมีอาการแบบนี้ ก็เริ่มกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวว่าจะต้องถูกจับผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าทันที ความกลัวนี้ทำให้หลายท่านเลือกที่จะ "ทนเจ็บ" ไม่ยอมมาหาหมอ จนอาการลุกลามไปมาก
หมออยากบอกว่า... ความจริงแล้ว "การผ่าตัด" เป็นเพียงทางเลือกสุดท้าย และไม่ใช่ทุกคนที่เป็นข้อเข่าเสื่อมจะต้องผ่าตัดครับ การรู้ "ระยะ" ของโรค คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราวางแผนรักษาได้ถูกต้อง และเก็บรักษาเข่าเดิมของเราไว้ใช้งานให้นานที่สุด
วันนี้หมอเก่งจะพาไปทำความรู้จักกับ "4 ระยะของโรคข้อเข่าเสื่อม" และเจาะลึกว่าแต่ละระยะ ว่ามีวิธีช่วยดูแลรักษาอย่างไรครับ
เรื่องเล่าจากห้องตรวจ: คุณป้าเพ็ญกับความกลัวห้องผ่าตัด
เมื่อสัปดาห์ก่อน "คุณป้าเพ็ญ" วัย 62 ปี เดินกะเผลกเข้ามาในห้องตรวจด้วยสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด คุณป้าเล่าว่าปวดเข่ามาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ไม่กล้ามาหาหมอ เพราะเพื่อนบ้านบอกว่า "เดี๋ยวหมอก็จับผ่าเข่า พักฟื้นเป็นเดือน เดินไม่ได้เหมือนเดิมหรอก"
คุณป้าเพ็ญเลยเลือกซื้อยากินเอง นวดน้ำมัน จนกระทั่งขาเริ่มโก่งผิดรูปและปวดจนนอนไม่หลับถึงยอมมา
พอหมอตรวจและเอกซเรย์ดู ก็พบว่าคุณป้าเป็นข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 3 (ปานกลาง) ซึ่งยังไม่ถึงขั้นที่ "จำเป็นต้องผ่าตัด" ทันที ยังมีวิธีรักษาอื่น ๆ อีกมาก พอหมออธิบายจบ คุณป้าถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยิ้มออก แล้วบอกหมอว่า "รู้งี้ป้ามาหาหมอตั้งนานแล้ว ไม่น่าทนเจ็บฟรีเลย"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... ความเข้าใจที่ถูกต้อง คือยารักษาความกลัวที่ดีที่สุดครับ
ความจริงของ "โรคข้อเข่าเสื่อม" (Knee Osteoarthritis)
โรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ใช่แค่เรื่องของกระดูก แต่มันคือเรื่องของ "ผิวข้อ" (Cartilage) ครับ
ลองจินตนาการถึง "ยางรถยนต์" นะครับ ผิวข้อเข่าของเราก็เหมือน "ดอกยาง" ที่ทำหน้าที่รับแรงกระแทกและทำให้ล้อหมุนไปได้อย่างนุ่มนวล เมื่อเราใช้งานมานานหลายสิบปี ดอกยาง (ผิวข้อ) ก็เริ่มสึกบางลง ทำให้การเกาะถนน (การเคลื่อนไหว) ไม่ดีเหมือนเดิม และถ้าปล่อยไว้นานจนยางโล้น ล้อแม็กซ์ (กระดูก) ก็จะขูดกับพื้นถนนโดยตรง ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและเกิดความร้อนระอุขึ้นมา
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค (Pathogenesis)
หลักๆ เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการซ่อมแซมและการทำลายผิวข้อ
- อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น เซลล์กระดูกอ่อนซ่อมแซมตัวเองได้ช้าลง
- น้ำหนักตัว: เข่าต้องรับแรงกระแทกทุกก้าวเดิน คนที่มีน้ำหนักเกิน เข่าจะเสื่อมเร็วกว่าคนปกติหลายเท่า
- พฤติกรรม: การนั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ หรือขึ้นลงบันไดบ่อยๆ เป็นเวลานาน เพิ่มแรงดันในข้อเข่ามหาศาล
- การบาดเจ็บในอดีต: เคยเอ็นฉีก หมอนรองกระดูกฉีก หรือกระดูกหักบริเวณเข่า
เมื่อผิวกระดูกอ่อนสึกกร่อน ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมตัวเองด้วยการสร้างกระดูกงอก (Osteophyte) ขึ้นมาที่ขอบข้อ ซึ่งเจ้ากระดูกงอกนี่แหละครับ ที่อาจไปเสียดสีเนื้อเยื่อรอบๆ ทำให้เจ็บปวดและข้อติดขัด
การตรวจวินิจฉัย: หมอรู้อาการได้ยังไง?
นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย ดูการเดิน ดูจุดกดเจ็บแล้ว หมอจะใช้เครื่องมือเพื่อยืนยันระยะของโรคครับ
- เอกซเรย์ (X-ray) ท่ายืน: นี่คือมาตรฐานเบื้องต้น เพื่อดู "ช่องว่างระหว่างข้อ" ว่าแคบลงแค่ไหน และดูว่ามี "กระดูกงอก" หรือไม่
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound): ช่วยดูน้ำในข้อเข่า ดูความหนาของเยื่อบุข้อ หรือใช้ในการนำทางเข็มฉีดยาเพื่อความแม่นยำ ไม่ต้องเดาสุ่ม
- MRI (เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า): ใช้ในกรณีที่สงสัยว่ามีการบาดเจ็บของ "หมอนรองกระดูก" หรือ "เส้นเอ็น" ร่วมด้วย หรือในระยะแรกๆ ที่เอกซเรย์ปกติยังมองไม่เห็นความเสียหาย
เจาะลึก: ข้อเข่าเสื่อม 4 ระยะ และแนวทางการรักษา
หมอแบ่งระยะของโรคตามภาพเอกซเรย์ (Kellgren-Lawrence system) เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม ดังนี้ครับ
ระยะที่ 1: ระยะสงสัย (Doubtful)
- ลักษณะ: ผิวข้อเริ่มนิ่มลงเล็กน้อย ช่องว่างระหว่างกระดูกยังดูปกติ แต่อาจมีกระดูกงอกเล็กมากๆ ที่มองแทบไม่เห็น
- อาการ: แทบไม่มีอาการเจ็บชัดเจน อาจจะรู้สึกตึงๆ หรือเมื่อยง่ายเวลาใช้งานหนัก
- การรักษา:
- เน้นปรับพฤติกรรม: หลีกเลี่ยงการนั่งยอง พับเพียบ ขัดสมาธิ
- ลดน้ำหนัก: สำคัญมาก! ลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ลดแรงกดที่เข่าได้ถึง 4 กิโลกรัม
- ออกกำลังกาย: บริหารกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) ให้แข็งแรง เพื่อช่วยพยุงข้อเข่า
ระยะที่ 2: ระยะเริ่มต้น (Mild) – ระยะนี้คนไข้เริ่มมาหาหมอ
- ลักษณะ: เห็น "กระดูกงอก" ชัดเจนขึ้น ช่องว่างระหว่างข้อเริ่มแคบลงเล็กน้อย ผิวข้อเริ่มขรุขระ
- อาการ: เริ่มปวดเวลาเดินนานๆ หรือขึ้นลงบันได มีเสียงกร็อบแกรบในเข่าชัดเจนขึ้น อาจมีอาการข้อฝืดตอนตื่นนอน
- การรักษา:
- กายภาพบำบัด: ประคบอุ่น ฝึกบริหารกล้ามเนื้อ
- ยา: ใช้ยาแก้ปวดพาราเซตามอล หรือยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) แบบทาหรือกินเป็นครั้งคราวเมื่อมีอาการ
ระยะที่ 3: ระยะปานกลาง (Moderate) – ระยะของคุณป้าเพ็ญ
- ลักษณะ: ช่องว่างระหว่างข้อแคบลงอย่างเห็นได้ชัด ผิวข้อสึกไปเยอะ มีกระดูกงอกขนาดใหญ่หลายจุด อาจเริ่มเห็นขาโก่งเล็กน้อย
- อาการ: ปวดถี่ขึ้น ปวดแม้กระทั่งนั่งเฉยๆ หรือตอนกลางคืน ข้อเข่าบวมอักเสบบ่อยๆ เดินได้ไม่ไกลต้องหยุดพัก ขยับข้อได้ไม่สุด
- การรักษา:
- การฉีดยา (Injection): เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะนี้
- ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม (Hyaluronic Acid): เหมือนการเติมน้ำมันหล่อลื่น ช่วยลดแรงเสียดทาน ให้เข่าลื่นขึ้น ยืดอายุการใช้งาน
- ฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP): นำเลือดคนไข้มาปั่นแยกเกล็ดเลือด แล้วฉีดกลับเข้าไปเพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ (ได้ผลดีในคนที่เสื่อมยังไม่มากเกินไป)
- ฉีดสเตียรอยด์: ใช้เฉพาะช่วงที่มีการอักเสบ บวม แดง ร้อน รุนแรง เพื่อลดปวดเฉียบพลัน
- การใส่อุปกรณ์พยุงเข่า (Knee Support): ช่วยเพิ่มความมั่นคงเวลาเดิน
- การฉีดยา (Injection): เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะนี้
ระยะที่ 4: ระยะรุนแรง (Severe)
- ลักษณะ: "กระดูกชนกระดูก" ช่องว่างระหว่างข้อหายไปจนหมด ผิวข้อถูกทำลายเกือบสมบูรณ์ กระดูกงอกขนาดใหญ่ ขาโก่งผิดรูปชัดเจน
- อาการ: ปวดตลอดเวลา เดินลำบากมาก ทรงตัวไม่ดี คุณภาพชีวิตแย่ลงอย่างมาก
- การรักษา:
- การผ่าตัด (Surgery): หากรักษาด้วยยาและกายภาพแล้วไม่ดีขึ้น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement) คือวิธีที่จะคืนคุณภาพชีวิต ให้กลับมาเดินได้หายเจ็บ ขาตรงขึ้น
- ทางเลือกอื่น: สำหรับผู้ที่ผ่าตัดไม่ได้ อาจใช้วิธีจี้เส้นประสาทด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Ablation) เพื่อระงับสัญญาณความปวด
พยากรณ์โรค: ข้อเข่าเสื่อมหายขาดไหม?
หมอต้องเรียนตามตรงว่า "ข้อเข่าเสื่อม เป็นแล้วไม่หายขาด ย้อนเวลากลับไปเป็นเข่าเด็กไม่ได้" ครับ มันเป็นโรคของความเสื่อมตามวัย แต่... "เราสามารถชะลอความเสื่อม และอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข"
หากเรารู้ตัวตั้งแต่ระยะที่ 1 หรือ 2 และดูแลตัวเองดีๆ เราอาจจะไม่ต้องเดินทางไปถึงระยะที่ 4 ตลอดชีวิตก็ได้ครับ
ภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวัง
หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา นอกจากจะเดินไม่ได้แล้ว อาจนำไปสู่:
- ปวดหลัง: เพราะเมื่อเข่าเจ็บ ท่าเดินจะเปลี่ยนไป ทำให้หลังรับภาระหนักขึ้น
- กล้ามเนื้อลีบ: พอเจ็บก็ไม่อยากเดิน กล้ามเนื้อขาก็จะยิ่งลีบลง ทำให้เข่าไม่มีแรง
- ภาวะซึมเศร้า: ความเจ็บปวดเรื้อรังส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก
บทสรุปจากหมอเก่ง
การรักษาข้อเข่าเสื่อมที่ดีที่สุด ไม่ใช่ยาแพงๆ หรือการผ่าตัดที่ทันสมัยที่สุด แต่คือ "ความรู้" และ "การปรับพฤติกรรม" ของตัวคนไข้เองครับ
อย่ารอให้เดินไม่ได้แล้วค่อยมาหาหมอ ยิ่งมาเร็ว ทางเลือกในการรักษายิ่งมีมาก และเจ็บตัวน้อยกว่า ถ้าเริ่มมีเสียงในเข่า หรือปวดหน่วงๆ ลองแวะมาปรึกษาหมอกระดูกใกล้บ้าน เพื่อตรวจเช็กระยะและความแข็งแรงของข้อเข่ากันนะครับ
ดูแลเข่าวันนี้ เพื่อให้ขาคู่นี้พาเราไปเที่ยว ได้ไปทำบุญ ได้ไปหาลูกหลาน ได้นานเท่านานครับ
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่ ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง) ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#ข้อเข่าเสื่อม #ปวดเข่า #หมอเก่งกระดูกและข้อ #รักษาเข่าเสื่อมไม่ผ่าตัด #ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า #PRPเข่า #ดูแลผู้สูงอายุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น