คนอ้วนกับข้อเข่าเสื่อม ทำไมถึงเกี่ยวกันมากกว่าที่คิด?
หลายคนอาจคิดว่า “แค่ตัวหนักขึ้นนิดหน่อย” ไม่น่าจะทำให้ปวดเข่าได้มากมาย แต่ในความเป็นจริง น้ำหนักตัวคือปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะในวัยทำงานและผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการปวดเข่าเรื้อรังแบบไม่รู้ตัว
หลายเคสที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดเข่าเรื้อรัง มักมีประโยคคล้ายกันว่า “ไม่เห็นล้ม ไม่ได้ใช้งานหนัก ทำไมเข่าถึงเสื่อมเร็วขนาดนี้?” คำตอบมักเกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวมากเกินไปโดยตรง
บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจว่า ทำไมน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ถึงทำให้เข่ารับภาระมากกว่าที่คิดหลายเท่า และมีผลทั้งโครงสร้างข้อเข่า การอักเสบ ไปจนถึงโอกาสผ่าตัดในอนาคต
ตัวอย่างผู้ป่วย
คุณวารี อายุ 52 ปี น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลังหมดประจำเดือนจาก 60 เป็น 75 กิโลกรัม ภายใน 3 ปี เธอเริ่มปวดเข่าข้างซ้ายก่อน โดยเฉพาะเวลาเดินขึ้นลงบันได หรือลุกนั่งจากพื้น ช่วงแรกคิดว่าเดี๋ยวก็หาย แต่ปวดมากขึ้นทุกเดือน
เมื่อมาตรวจและทำเอกซเรย์ พบว่ามี “ข้อเข่าเสื่อมระยะแรกถึงกลาง” ช่องข้อแคบลง และกระดูกงอกเริ่มเกิดขึ้น แพทย์อธิบายว่า สาเหตุหลักไม่ใช่เพราะอายุ แต่เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เข่าต้องรับภาระมากกว่าเดิมถึง 3–4 เท่าทุกครั้งที่ขึ้นลงบันได
หลังจากเริ่มควบคุมน้ำหนักและกายภาพบำบัด อาการปวดดีขึ้นชัดเจน
ทำไมน้ำหนักตัวจึงทำให้เข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติ?
1) เข่าต้องรับแรงมากกว่าน้ำหนักจริง 3–5 เท่า
หลายคนไม่รู้ว่าเวลาเรายืนเดิน เข่าต้องรับแรงมากกว่าน้ำหนักตัวจริงหลายเท่า เช่น
- น้ำหนัก 70 กิโล → เข่ารับแรงเท่ากับประมาณ 200–250 กิโลกรัมเมื่อเดิน
- ตอนขึ้นลงบันได เข่ารับแรงมากกว่าเดิมถึง 4–5 เท่า
เพียงแค่น้ำหนักขึ้น 1 กิโลกรัม เข่าต้องรับเพิ่มเป็น 3–5 กิโลกรัมต่อก้าว เดินวันหนึ่งเป็นพันก้าว ผลคือผิวข้อสึกเร็วขึ้นหลายปี
2) ไขมันในร่างกายทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
ไม่ใช่แค่แรงกด แต่ไขมันยังสร้างสารที่ชื่อว่า "สารก่อการอักเสบ" ที่ทำให้ข้อเข่าอักเสบง่ายขึ้น อาการเช่น
- เข่าบวม
- ปวดมากหลังใช้งานนาน
- รู้สึกตึง ๆ หรือฝืดในตอนเช้า
ภาวะอักเสบนี้เป็นตัวเร่งให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
3) กล้ามเนื้ออ่อนแรงเพราะน้ำหนักมาก ทำให้เข่ารับภาระแทน
เมื่อคนมีน้ำหนักมาก กล้ามเนื้อรอบเข่ามักอ่อนแรงตาม ทำให้ข้อเข่าไม่มั่นคง ผิวข้อยิ่งสึกเร็วขึ้น
4) เข่าโก่งเร็วขึ้นในคนอ้วน
น้ำหนักที่ลงไม่สมดุลทำให้ด้านในของเข่าสึกมากกว่าด้านนอก ทำให้เข่าโก่งเร็วขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้ปวดและเสื่อมหนักกว่าเดิม
สัญญาณเตือนที่พบบ่อยในคนอ้วนอาจบ่งบอกว่าเข่ากำลังเสื่อม
- ปวดเข่าขณะเดิน ขึ้นลงบันได
- เข่าฝืดตอนเช้า หรือตอนลุกจากเก้าอี้
- มีเสียง “ก๊อบแก๊บ” เวลาขยับเข่า
- เดินนานไม่ได้ ต้องหยุดพัก
- เข่าบวมเป็น ๆ หาย ๆ
- ขาเริ่มโก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของคนอ้วน แต่จริง ๆ คือสัญญาณของข้อเข่าเสื่อมระยะแรกแล้ว
การตรวจวินิจฉัย
1) ตรวจร่างกายโดยแพทย์กระดูกและข้อ
ประเมินการเดิน การลงน้ำหนัก การยืดเหยียด และความเจ็บเฉพาะจุด
2) เอกซเรย์เข่า
เห็นช่องข้อแคบลง เข่าโก่ง และกระดูกงอกชัดเจน ใช้ประเมินระดับความเสื่อม
3) เอ็มอาร์ไอ (เอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)
ใช้ในรายที่สงสัยหมอนรองเข่าหรือเส้นเอ็นร่วมด้วย ช่วยให้เห็นการอักเสบและโครงสร้างภายในข้อ
4) ประเมินน้ำหนักและองค์ประกอบร่างกาย
เพื่อวางแผนลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและเหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (เหมาะที่สุดในคนอ้วน)
1) ลดน้ำหนักเป็นหัวใจสำคัญที่สุด
งานวิจัยพบว่าแม้ลดน้ำหนักได้เพียง 5–10% ของน้ำหนักตัว อาการปวดเข่าจะลดลงชัดเจนและผิวข้อเสื่อมช้าลงมาก
ตัวอย่าง: น้ำหนัก 80 กิโล ลด 8 กิโล → เข่ารับแรงน้อยลงกว่า 25–30 กิโลกรัมทุกก้าวเดิน
2) กายภาพบำบัดเสริมกล้ามเนื้อรอบเข่า
ช่วยลดแรงกระแทก ทำให้ข้อเข่ามั่นคงขึ้น ท่าที่ได้ผลดี ได้แก่
- เกร็งหน้าขา (Quadriceps setting)
- ปั่นจักรยานเบา ๆ
- เดินในน้ำ
3) การปรับพฤติกรรม
- หลีกเลี่ยงนั่งพับเพียบ นั่งยอง ๆ
- ใช้บันไดเท่าที่จำเป็น
- เดินสลับพัก ไม่เดินลากยาว
4) ยาลดอักเสบและยาคลายกล้ามเนื้อ
ใช้ตามอาการระยะสั้น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานโดยไม่ปรึกษาแพทย์
5) การฉีดยาลดอักเสบเข้าข้อด้วยอัลตราซาวด์
เหมาะในรายที่มีการอักเสบรุนแรง บวม เดินลำบาก ช่วยลดอาการได้เร็ว
6) การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อ (Hyaluronic)
ช่วยให้ข้อเข่าลื่นขึ้น ลดเสียงดัง ลดฝืด โดยเฉพาะในคนที่มีน้ำหนักมากและผิวข้อเริ่มสึก
7) การใช้อุปกรณ์พยุงข้อเข่า
เช่น สนับเข่า หรือไม้เท้า ช่วยแบ่งน้ำหนัก ลดแรงกระแทกต่อข้อเข่าได้ดี
เมื่อไหร่ที่ต้องพิจารณาผ่าตัด?
แม้คนอ้วนจะมีโอกาสต้องผ่าตัดข้อเข่าเทียมมากกว่าคนทั่วไป แต่แพทย์จะให้โอกาสการรักษาแบบไม่ผ่าตัดก่อนเสมอ
ควรพิจารณาผ่าตัดเมื่อ:
- เดินลำบากมากแม้รักษาเต็มที่แล้ว
- ปวดจนรบกวนชีวิตประจำวัน
- เข่าโก่งมากจนเดินผิดรูป
- เอ็กซเรย์พบผิวข้อสึกจนเกือบหมด
ปัจจุบันการผ่าตัดฟื้นตัวเร็ว เดินได้เร็ว ผลลัพธ์ดี แต่ต้องประเมินรายบุคคลอย่างละเอียด
พยากรณ์โรค
ข้อเข่าเสื่อมในคนอ้วนสามารถควบคุมได้ดี หากลดน้ำหนักและเสริมกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ปวดลดลงอย่างชัดเจนและชะลอการเสื่อมได้หลายปี
แต่หากปล่อยไว้ น้ำหนักตัวที่มากจะเร่งให้เข่าเสื่อมเร็วขึ้นหลายเท่า ทำให้เดินลำบากและอาจต้องผ่าตัดเร็วกว่าที่ควร
ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง
- เดินล้มง่ายเพราะปวดและข้อเข่าไม่มั่นคง
- ข้อเข่าโก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงจนปวดหลังร่วมด้วย
- คุณภาพชีวิตลดลง ทำกิจกรรมประจำวันไม่ได้
วิธีดูแลตัวเองสำหรับคนอ้วนที่เริ่มปวดเข่า
- เดินบนพื้นราบวันละ 20–30 นาที
- ฝึกเกร็งหน้าขาทุกวัน
- เลี่ยงนั่งยอง ๆ และพับเพียบ
- ควบคุมอาหาร ลดของทอด น้ำตาล และแป้งขัดสี
- ชั่งน้ำหนักทุกสัปดาห์เพื่อดูความคืบหน้า
- ใส่รองเท้านุ่มลดแรงกระแทก
สรุป
น้ำหนักตัวเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่เร่งให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้นกว่าที่คิด หลายคนปวดเข่าเพราะแรงกดที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าจากน้ำหนักเพียงไม่กี่กิโลกรัม การลดน้ำหนักแม้เพียงเล็กน้อยสามารถช่วยลดอาการปวด ชะลอการเสื่อม และทำให้ข้อเข่าใช้งานได้ดีไปอีกหลายปี
การดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้คือกุญแจสำคัญที่จะป้องกันการผ่าตัดในอนาคต และทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#ข้อเข่าเสื่อม #คนอ้วนปวดเข่า #ลดน้ำหนักลดปวดเข่า #เข่าเสื่อม #หมอเก่งกระดูกและข้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น