วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ปวดเข่าเรื้อรังในผู้ป่วยรูมาตอยด์ ต้องประเมินให้ดีว่ากลายเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” แล้วหรือยัง — และเมื่อใดควรพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม



ปวดเข่าเรื้อรังในผู้ป่วยรูมาตอยด์ ต้องประเมินให้ดีว่ากลายเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” แล้วหรือยัง — และเมื่อใดควรพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม



ผู้ป่วยโรครูมาตอยด์จำนวนมากรักษาอาการข้ออักเสบได้ดีในช่วงแรก แต่เมื่อผ่านไปหลายปี หลายคนเริ่มมีอาการ ปวดเข่าเรื้อรัง เดินลำบาก เข่าฝืด หรือรู้สึกเหมือนเข่าทรุด จนสงสัยว่าคืออาการอักเสบของรูมาตอยด์ หรือเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” ร่วมด้วย


ความจริงคือ ผู้ป่วยรูมาตอยด์มีโอกาสเกิดข้อเสื่อมเร็วกว่าคนทั่วไป เพราะข้ออักเสบเรื้อรังทำให้กระดูกอ่อนและโครงสร้างข้อเสียหาย แม้โรคจะสงบแล้วก็ตาม


หมอเขียนบทความนี้เพื่อให้ผู้ป่วยรูมาตอยด์และครอบครัวเข้าใจว่า:


  • ปวดเข่าเรื้อรังเกิดจากอะไร
  • แยกอย่างไรว่าเป็นการอักเสบหรือข้อเสื่อม
  • วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัดมีอะไรบ้าง
  • และเมื่อใดควรพิจารณา “ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม” อย่างเหมาะสม




เหตุการณ์จากคนไข้ใกล้ตัว (เปลี่ยนชื่อ)



คุณศรีอายุ 58 ปี เป็นรูมาตอยด์มากว่า 12 ปี ควบคุมอาการด้วยยามาเรื่อย ๆ ในช่วงหลังอาการข้ออักเสบอื่นสงบดี แต่กลับเริ่มมีอาการปวดเข่ามากขึ้นโดยเฉพาะเวลาเดินขึ้น–ลงบันได หรือลุกจากเก้าอี้


เธอบอกว่า:


“หมอคะ หนูไม่แน่ใจแล้วว่าปวดเพราะรูมาตอยด์กำเริบ หรือเข่าเสื่อมค่ะ มันทรุด ๆ ฝืด ๆ เดินนานไม่ได้เลย”


หลังตรวจร่างกายและเอกซเรย์พบว่า ข้อเข่ามีการเสื่อมร่วมด้วย จากการอักเสบสะสมหลายปี ทำให้ผิวข้อบางลง เอ็นรอบ ๆ อ่อนแรง และกระดูกเริ่มเบียดใกล้ชิดกัน


หมอจึงวางแผนรักษาผ่านกายภาพ การฉีดยาลดอักเสบเฉพาะจุด และเสริมสร้างกล้ามเนื้อก่อน หากไม่ดีขึ้นจึงพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม


เคสดังกล่าวสะท้อนว่า การปวดเข่าในผู้ป่วยรูมาตอยด์ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องประเมินให้ถูกต้องตั้งแต่แรกครับ



ทำไมผู้ป่วยรูมาตอยด์ถึงเข่าเสื่อมได้ง่าย?



เพราะข้ออักเสบเรื้อรังทำให้เกิดความเสียหายสะสม ได้แก่:


  • กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย
  • เยื่อบุข้ออักเสบเรื้อรังจนทำให้ข้อบวมซ้ำ ๆ
  • เอ็นรอบข้อเข่าอ่อนแรง
  • โครงสร้างข้อเปลี่ยน ทำให้ลงน้ำหนักผิดตำแหน่ง



เมื่อเวลาผ่านไป ข้อเข่าจะเสื่อมเร็วกว่าคนทั่วไป บางรายแม้คุมโรครูมาตอยด์ได้ดี แต่ความสึกหรอในข้อยังคงดำเนินต่อเนื่อง



สัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่า “ข้อเข่าเสื่อมร่วมด้วย”



หากเป็นผู้ป่วยรูมาตอยด์และมีอาการเหล่านี้ ต้องระวังว่าเป็นข้อเสื่อม ไม่ใช่ข้ออักเสบอย่างเดียว:


  • ปวดลึก ๆ ในเข่าเวลาเดิน ยืน หรือลงบันได
  • เข่าฝืดตอนเช้า แต่ดีขึ้นเมื่อขยับ (ต่างจากรูมาตอยด์ที่ฝืดนาน)
  • มีเสียงลั่นกรอบแกรบในข้อ
  • เข่าโก่งหรือทรุดลง
  • เดินนาน ๆ แล้วปวดมากขึ้นตามแรงกด
  • ปวดแม้โรครูมาตอยด์สงบแล้ว



อาการลักษณะนี้มักบอกว่ากระดูกอ่อนผิวข้อเข่าถูกทำลายไปบางส่วนแล้ว



การตรวจเพื่อยืนยันว่าเข่าเสื่อมหรือไม่




1) ตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทาง



ดูการเคลื่อนไหว เสียงลั่น จุดกดเจ็บ ความมั่นคง และลักษณะการเดิน



2) เอกซเรย์เข่า



เป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุด เห็นความแคบของช่องข้อ กระดูกงอก หรือข้อโก่งได้ชัด



3) อัลตราซาวด์ข้อเข่า



ดูน้ำในข้อและเยื่อบุข้ออักเสบ ว่าเป็นการอักเสบจากรูมาตอยด์หรือเป็นการสึกหรอของผิวข้อ



4) ประเมินโรครูมาตอยด์ร่วมด้วย



เพราะหากโรครูมาตอยด์ยังไม่สงบ ต้องควบคุมควบคู่กันไป



รักษาอย่างไรโดยไม่ต้องผ่าตัด?



ผู้ป่วยรูมาตอยด์ที่มีข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่สามารถรักษาแบบประคับประคองได้ดีหากเริ่มเร็ว:



✔ กายภาพบำบัด



  • เสริมกล้ามเนื้อหน้าขา–สะโพก
  • ฝึกการลงน้ำหนักที่ถูกต้อง
  • ลดแรงกระแทกต่อข้อเข่า




✔ ปรับพฤติกรรม



  • เลี่ยงนั่งพับเพียบ นั่งยอง
  • หลีกเลี่ยงขึ้น–ลงบันไดบ่อย
  • ควบคุมน้ำหนักเพื่อลดแรงกดต่อข้อเข่า




✔ การฉีดยาลดอักเสบเฉพาะจุดด้วยอัลตราซาวด์



เหมาะสำหรับผู้ที่ปวดมากหรือมีการอักเสบผสม



✔ แผ่นรองรองเท้า/รองเท้าพื้นนุ่ม



ช่วยลดแรงกระแทก และช่วยให้เดินสบายขึ้น



✔ ยาควบคุมรูมาตอยด์



ต้องทำควบคู่ หากโรครูมาตอยด์ยังไม่สงบ การรักษาเข่าเสื่อมจะไม่ค่อยได้ผล



เมื่อใดต้องพิจารณาผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม?



หมอจะพิจารณาในกรณีต่อไปนี้:


  • ปวดมากจนกระทบชีวิตประจำวัน แม้รักษาเต็มที่แล้ว 3–6 เดือน
  • เดินลำบาก เดินไกลไม่ได้ เพราะข้อทรุดหรือโก่งมาก
  • เอกซเรย์เห็นว่าข้อเข่าเสื่อมรุนแรง ผิวข้อหายไปเกือบหมด
  • ข้อล็อกหรือยุบโดยมีโครงสร้างเสียหายมาก
  • มีอาการอักเสบแทรกเพิ่มจนใช้ชีวิตไม่ได้



การผ่าตัดข้อเข่าเทียมยุคใหม่ให้ผลดีมาก เดินได้คล่อง และคุณภาพชีวิตดีขึ้นชัดเจน แต่ต้องเลือกให้ถูกคนและถูกเวลา



หมออยากบอกว่า…



ผู้ป่วยรูมาตอยด์ที่ปวดเข่าเรื้อรัง ไม่ควรคิดว่าเป็น “ข้ออักเสบธรรมดา” เสมอไป เพราะในหลายรายอาจมีข้อเข่าเสื่อมร่วมด้วยจากการอักเสบสะสมหลายปี


การตรวจให้ชัดตั้งแต่ต้นจะช่วยให้วางแผนรักษาได้ดีขึ้น ป้องกันข้อพัง และลดความจำเป็นในการผ่าตัด


ถ้าตรวจพบเร็วและรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยส่วนใหญ่กลับมาเดินได้ดีขึ้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติครับ 😊




บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)

ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ

สอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ

📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666


#รูมาตอยด์ #ปวดเข่าเรื้อรัง #ข้อเข่าเสื่อม #ข้อพังจากรูมาตอยด์ #ผ่าตัดข้อเข่าเทียม #หมอเก่งให้ความรู้ #กระดูกและข้อ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น