ปัจจุบันโรคข้อเข่าเสื่อมนับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้สูงอายุใน
ประเทศไทย จากสถิติพบว่าประชาชนคนไทยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมกว่า 6 ล้านคน
ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศ
ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมส่วนใหญ่ มักมีอาการปวดเข่าเวลาเดิน
โดยเฉพาะตอนเดินขึ้นบันได อาการปวดส่วนมากมักเป็นบริเวณด้านในของข้อเข่า
เวลานั่งอยู่เฉย ๆ มักไม่มีอาการปวด
ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเดิน สูญเสียความมั่นใจ
มีผลทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง บางกรณีที่ผู้ป่วยมีข้อเข่าเสื่อมและขาโก่งมาก ๆ
นั้นมีผลทำให้การเดินของผู้ป่วยผิดปกติไป
มีโอกาสเกิดการหกล้มและทำให้เกิดการหักของกระดูกบริเวณตะโพก
ทำให้ผู้ป่วยเกิดทุพพลภาพเพิ่มมากขึ้น
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเริ่มต้นด้วยการบรรเทาอาการปวด
การปรับเปลี่ยนพฤติ กรรมในชีวิตประจำวันมีความสำคัญมาก
พยายามหลีกเลี่ยงการนั่งคุกเข่าขัดสมาธิ พับเพียบ
โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ชอบนั่งสมาธิ เพราะการนั่งในท่าที่งอเข่ามาก ๆ
จะทำให้เพิ่มแรงดันภายในเข่า
และกระดูกที่งอกจากโรคข้อเข่าเสื่อมไปกดทับกับเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ เข่า
จะทำให้ท่านมีอาการปวดมากขึ้น
ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักร่างกายมากจำเป็นต้องลดน้ำหนัก
ซึ่งส่วนใหญ่ที่แนะนำให้ลดประมาณร้อยละ 5 ของน้ำหนักตัว
การใช้ยาลดปวดเพื่อบรรเทาอาการก็ควรระมัดระวัง
ยาที่ค่อนข้างจะปลอดภัยมากที่สุดคือยาพาราเซตามอล
จะช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าได้ ต้องระวังการใช้ยากลุ่ม NSAIDs
ที่เวลาทานแพทย์มักจะแนะนำให้รับประทานหลังอาหารทันที
เพราะจะมีผลต่อกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นอาจมีผลต่อไตได้
หากจำเป็นต้องรับประทานยากลุ่มนี้ควรจะรับประทานหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำ
มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายสามารถขับยานี้ออกไปได้
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องไตควรหลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม NSAIDs โดยเด็ดขาด
เพราะจะทำให้การทำงานของไตแย่ลง
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเข่าเสื่อมมาก และขาโก่งผิดรูป
มีผลต่อการใช้งานของข้อเข่าในชีวิตประจำวัน เดินลำบาก
แนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ด้วยเทคโนโลยี
ความรู้และทักษะของแพทย์ในปัจจุบันทำให้การรักษาข้อเข่าด้วยวิธีการผ่าตัด
เปลี่ยนข้อเข่าเทียมได้ผลดีมาก ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้ภายใน 2
วันหลังการผ่าตัด สิ่งที่ผู้ป่วยกลัวการผ่าตัดรักษามี 2 ประการหลัก ๆ คือ
1. ผ่าแล้วกลัวเดินไม่ได้ และ 2. กลัวอาการปวดหลังผ่าตัด
อย่างไรก็ตามด้วยความรู้
และความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้ผลการรักษาผ่าตัดได้ผลดีเยี่ยม
หลังผ่าตัดผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดน้อยมาก และสามารถลุกเดินได้หลังผ่าตัด
และสามารถเดินได้โดยไม่ใช้ไม้เท้าชนิดวอล์กเกอร์ ภายใน 3 เดือนหลังผ่าตัด
วิธีการลดอาการปวดหลังการผ่าตัด
มีการนำเทคนิคของการระงับความรู้สึกที่บริเวณสันหลัง
หรือการระงับความรู้สึกที่เส้นประสาทโดยตรง
จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดลดน้อยลงเป็นอย่างมาก
รวมทั้งเทคนิคการผ่าตัดที่ดีขึ้น
ทำให้ผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยการผ่าตัดมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก
และสามารถกลับไปทำงาน และช่วยเหลือตนเองได้เร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบันมีเทคนิคการเย็บแผลชั้นใน
และใช้กาวทาบริเวณแผลผ่าตัดซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องมาตัดไหมหลังผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดข้อเข่าเทียมมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ท่านต้องไปตรวจเช็กสุขภาพของฟันเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีฟันผุ
เพราะฟันผุอาจทำให้มีเชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด
และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่เข่าข้างที่ทำการผ่าตัด
ก่อนผ่าตัดทุกครั้งแพทย์จำเป็นต้องตรวจเช็กสุขภาพของท่านเกี่ยวกับโรคที่
ท่านเป็นอยู่ หรือป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนเสมอ เช่น
การตรวจการทำงานของหัวใจ การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
การตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไขกระดูก การทำงานของไตและตับ
เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยสูงสุดและให้ผลการรักษาที่ดีเยี่ยม
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้จากการผ่าตัดได้แก่
การติดเชื้อที่บริเวณแผลผ่าตัดซึ่งสามารถเกิดได้ประมาณร้อยละ 1
ภาวะลิ่มเลือดที่ขาอุดตันก็มีโอกาสเกิดได้ แต่น้อยมาก
ปัจจุบันการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทำให้
คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นเป็นอย่างมาก
สามารถใช้งานของข้อเข่าได้เป็นอย่างดี ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดน้อย
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดมีความพึงพอใจต่อผลการรักษาสูง
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมไม่น่ากลัวอย่างที่คิดครับ.
ภาพขาที่โก่งผิดรูป เดินลำบากมีโอกาสหกล้ม และเกิดกระดูกสะโพกหักได้ง่าย
การฉีดยาระงับความรู้สึกบริเวณกระดูกสันหลัง ช่วยระงับอาการปวดหลังผ่าตัดได้ดีมากๆ
ผู้ป่วยฝึกเดิน 2 วันหลังผ่าตัด
ภาพรังสีแสดงลักษณะของข้อเข่าเสื่อมที่มีการแคบของข้อเข่า
แผลผ่าตัด ปิดแผลโดยใช้ไหมละลาย และกาวทาปิดแผล ไม่ต้องตัดไหมหลังผ่าตัด
VDO ผู้ป่วยหลังผ่าตัด หัดเดินวันที่ 2 หลังผ่าตัด